เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมาได้มีการประชุมใหญ่ผู้นำเข้าสารทำความเย็น HCFC 22 และ HCFC 141b กันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหารือเกี่ยวกับโควต้านำเข้าปี พ.ศ.2557 ของผู้นำเข้าแต่ละราย
เนื่องด้วยข้อมูลบางเรื่องเป็นความลับของทางราชการผมจึงมิอาจนำมาเปิดเผยได้ทั้งหมดในที่นี้ ได้แต่เพียงกราบเรียนให้ท่านผู้่อ่านทุกท่านได้รับทราบกันว่าในปัจจุบันสารทำความเย็น R22 นั้นในปี พ.ศ.2556 ที่ผ่านมาพบว่าปริมาณการใช้หรือการอุปโภคไม่ได้ลดน้อยลงเลยในทางตรงข้ามดูเหมือนจะมากขึ้นด้วยซ้ำไปครับ มันกลับด้านกันเลย
มาดูสถิติการนำเข้าสาร HCFC ตัวหลัก ๆ ของบ้านเราตั้งแต่ปี 2011 - 2013 กันครับ
HCFC 22
2011 = 15,500 MT
2012 = 16,252 MT
2013 = 17,043 MT
HCFC 141b
2011 = 1,828 MT
2012 = 1,939 MT
2013 = 2,058 MT
เพิ่มขึ้นทุกปีเลยใช่ไหมครับ .. ตรงนี้ล่ะครับที่เป็นปัญหาเพราะตามสนธิสัญญามอนทรีออลซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิกอยู่นั้นเขามีข้อตกลงกันว่าจะต้องลด ODP ตันลงให้ได้ตามเป้าหมาย
และเท่าที่เราทราบมาก็คือปริมาณการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ณ วันนี้จะต้องถูกลดให้ลงต่ำกว่าเดิมอีกร้อยละ 27.2% กันเลยทีเดียว อันจะส่งผลต่อเนื่องในภาคธุรกิจอย่างแน่แท้ ในขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่อย่าจีนก็ถูกจำกัดโควต้าส่งออกด้วยเช่นกัน
1.ประมาณการว่าสารทำความเย็น R22 หรือที่คุณเรียกกันว่าน้ำยาแอร์ R22 จะมีราคาปรับขึ้นอย่างรวดเร็วหลังวันที่คุณจุดพลุฉลองปีใหม่กับครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยหรืออย่างช้าราวตรุษจีนปีนี้
2.ปริมาณโควต้าที่จัดสรรนั้นน่าเป็นห่วงว่าสินค้า HCFC22, HCFC141b อาจขาดตลาดอย่างรุนแรงช่วงที่ลูก ๆ คุณเปิดเทอมราวกลางปี พ.ศ.2557
3.ตัวเลขโควต้าที่ยังไม่ชัดเจนนักอาจส่งผลให้เกิดการกักตุนสินค้าอย่างรุนแรงในปี พ.ศ.2557
4.สารทดแทน R22 กลุ่ม R400 Series อย่าง R410a, R407c จะเริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างเต็มตัวในตลาด
5.เคยทำนายไว้ว่าปี 2015 สารทำความเย็น R22 กับ R410a หรือกลุ่มสาร Ternary Blend จะเข้าสู่ช่วง Cross Road คือมีราคาต่อกิโลกรัมเท่าเทียมกันและ ณ จุด ๆ นี้
สารทำความเย็น R22 ก็ไร้ความหมายเพราะสารทำความเย็นรุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้ทดแทนในระบบ R22 นั้นมีให้เลือกมากมายแถมประหยัดพลังงานอีกต่างหากและที่สำคัญรุ่นใหม่ ๆ บางรุ่นไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันคอมฯ
แม้ตามสนธิสัญญามอนทรีออลจะประกาศวัน Date End ของ R22 ไว้แถว ๆ ปี 2030 แต่เชื่อเถอะครับกระแสโลกาภิวัตน์ในโลก On Line มันมาเร็วจัดเผลอ ๆ ไม่เกิน 2020 นี้
สาร R410a อาจเข้ายึดครองมาร์เก็ตแชร์ทั่วโลกกว่า 50% ก็ได้ อย่างน้อยคุณก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนนะถ้าเปลี่ยนมาใช้สาร HFCs ก่อนใคร ๆ จริงไหมครับ